ไปเที่ยวกันเถอะ………………….
ทริปนี้บุ๊คก้าบินเดี่ยวไปสิงคโปร์มาค่ะ ที่จริงทริปนี้เป็นทริปดองไว้นานแล้วพึ่งได้หยิบมาเขียน 5555 แต่รับรองว่ามีประโยชน์และให้ข้อมูลในการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้แน่นอน แต่ทริปนี้จะเน้นหนักไปทางของกินซะหน่อย เพราะเรื่องที่เที่ยวคนอื่นเค้ารีวิวให้ดูกันไปเยอะแล้ว บุ๊คก้าเลยขอมาแชร์เรื่องกินตั้งแต่ราคาถูกข้างทาง ยันราคาไม่ธรรมดาบนเหล่ากันเลยทีเดียว ว่าแต่บุ๊คก้าไปกินอะไรมาบ้าง เลื่อนตามลงไปอ่านกันด้านล่างเลยดีกว่าจ้า ^_^
สำหรับทริปนี้บุ๊คก้าไปสิงคโปร 4 วัน 3 คืนค่ะ (ที่จริงทริปนี้เกิดจากที่บริษัทส่งไปประชุมที่สิงคโปร์ เราเลยถือโอกาสขอเที่ยวก่อนเริ่มงานช่วง เสาร์-อาทิตย์ แล้ววันจันทร์-อังคารค่อยทำงาน อิอิ) พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย
Day 1
สำหรับที่พักคืนแรก บุ๊คก้าเลือกพักที่ย่าน Chinatown เป็น Hostel แบบนอนรวมที่ 5footway.inn Project Chinatown 2 ราคาประหยัดสุดๆ จำได้ว่าจองพักช่วงนั้นแค่ 500 บาทต่อคืน ราคานี้บุ๊คก้าจองผ่านเว็บ Traveloka นะคะ ถ้าสนใจพักโฮสเทลราคาประหยัดยังไงลองเข้าไป search หาที่พักดูก่อน มีถูกๆ หลายที่เลยค่ะ (คลิกที่นี้ไปจองที่พัก) พอไปถึงเราก็แวะไปฝากกระเป๋าก่อนเลย เพื่อความสะดวกในการหาของกิน
5footway.inn Project Chinatown 2 ตั้งอยู่ด้านหลังของ Chinatown อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญหลายแห่ง และมีป้ายรถเมย์อยู่ใกล้ๆ ด้วย
เรามาเริ่มหาของกินกันเลยดีกว่า เริ่มจากที่แรกบุ๊คก้าเชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จัก และในหลายๆ รีวิวจะแนะนำให้มาคือ Maxwell Food Centre
ในนี้เหมือนโรงอาหารแบบ open air มีร้านอาหาร ขนม ผลไม้ ของหวาน และเครื่องดื่มให้เลือกกินหลายอย่าง แต่ร้านที่โด่งดังก็เห็นจะเป็นร้านข้าวมันไก่สูตรไหหลำ (ที่เห็นในรูปนี้ป้ายสี่น้ำเงิน) ตอนแรกบุ๊คก้าก็กะว่าจะมากินร้านนี้ แต่แถวยาวมากกกกกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัว เลยคิดว่า หาอย่างอื่นกินแทนดีกว่า 555 ไม่ซีเรียสเรื่องร้านดังอย่างเรา กินอะไรก็ได้จ้า
เลยได้ชามนี้มาค่ะ เป็นบะหมี่เส้นหนาๆ ในน้ำซุปเหมือนกระเพราะปลา ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร รสชาติก็คล้ายๆ กระเพาะปลานะ แต่มีเส้น และมีของทอดที่เป็นซีฟู๊ด แล้วก็ใส่เต้าหู้ขาว กับซอสพริกแบบคล้ายๆ น้ำพริกเผาด้วย สำหรับบุ๊คก้ารู้สึกว่าเป็นเมนูที่แปลกดี บ้านเราไม่มีแบบนี้ ^_^
กินคราวเสร็จก็มาต่อกันที่ของหวาน เดินวนอยู่สักพัก มาจบที่ขนมร้านนี้ หน้าตาและรสชาติก็เหมือนกับขนมถังแตกบ้านเราเลยค่ะ ต่างกันไส้ที่มีไม่เหมือนกับบ้านเรา บุ๊คก้าเลือกกิน Peanuts ตอนแรกนึกว่าเหมือนเนยถั่ว สรุปพอได้มาเป็นถั่วบดผสมน้ำตาล รสหวานๆ มันๆ อร่อยดีค่ะ
หลังจากอิ่มท้องแล้วเลยกลับมาเที่ยวชมวัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple ให้เกิดมงคลกับชีวิตซะหน่อย วัดนี้เป็นวัดที่ดังมากๆ ในสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวต้องมาสักการะขอพรกันแทบทุกคน
จากนั้นพอออกจากวัด ก็เห็นว่ามี Chinatown Complex อยู่ข้างๆ เลยเดินแวะเข้าไปดูว่ามีอะไรบ้าง สรุปว่าตึกนี้เป็นเหมือนตลาดที่ชั้นล่างขายเสื้อผ้าของใช้
ส่วนชั้นบนขายอาหาร และเป็นลานอาหารที่ใหญ่ และมีร้านค้าหลากหลายนับร้อยเลยค่ะ
ใหญ่กว่า Maxwell Food Centre และมีอาหารให้เลือกทานเยอะกว่ามากๆ
เดินมาอากาศร้อน ขอแวะซื้อน้ำซะหน่อย เลยสั่ง Lemon ไป พอได้มาปุ๊บรีบกินปั๊บ ปรากฏว่า เฮ้ย…นี่มันส้มนิหว่า (บุ๊คก้าไม่กินส้ม ><) ไหนๆ ลองชิมอีกที อืม………… มันก็เหมือนจะส้มแต่ก็ไม่ส้ม สรุปกินไม่ได้ แก้วนี้ ทิ้งเลยจ้า แงๆ มาคนเดียว เลยไม่รู้จะยกให้ใครช่วยกิน เสียดายจุง
สรุปเดินออกมาด้านนอกเจอตู้กดน้ำอยู่หน้า Chinatown visitor centre เลยกดน้ำอัดลมกินแทนดีกว่า ที่จริงไม่ได้จะบอกว่ามากินน้ำจากตู้นี้หรอกค่ะ แต่อยากบอกว่า ถ้าใครมา Chinatown แล้วยัง งง งง ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แวะมาที่ Chinatown visitor centre ก่อนได้ เค้ามีทั้งข้อมูล แผ่นพับ และของที่ระลึกขายด้วย
โอเค กินน้ำแล้วมีแรง เดินเล่น Chinatown ต่อ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาก มัวแต่ดูของกะ check-in 555 ของส่วนใหญ่เป็นพวก พวงกุญแจ เสื้อ ของที่ระลึก แล้วก็มีร้านอาหารเป็นระยะๆ เดินได้ไม่นานเริ่มไม่ไหว อากาศร้อนมาก เพราะไปช่วงเดือน มิ.ย. เลยตัดสินใจ Move ไปที่อื่นแทน
เป้าหมายต่อไปของเราคือ Marina Bay ค่ะ เดินทางไปโดย MRT ลงที่สถานี BayFront
พอออกจากสถานีมา งงจ้าาาาาา คือเราอยู่ที่ไหนหว่าาาาา???
เลยเดินวนดูรอบๆ อ้าว นี่ไม่ใช่และ แหล่งไฮโซทั้งนั้น ไม่เหมาะกับฐานะอย่างเรา 5555 เลยหาทางเดินออกมาด้านนอกอาคาร
สรุปว่าอาคารที่เราออกมาจาก MRT BayFront คือ อาคาร Marina Bay Sands นั่นเอง เดินออกมาด้านนอกสักระยะถึงได้เห็นว่า มาถูกแล้วนิหน่า 555 ตกใจนึกว่าหลงอยู่ตั้งนาน
จากนั้นก็เดินตามคนมาเรื่อยๆ จนมาเจอสะพาน Helix Bridge เคยดูสาระคดี เค้าบอกว่า สะพานนี้ออกแบบตามแบบโครงสร้างของ DNA มนุษย์ ตอนแรกไม่รู้ที่มาก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก พอรู้ว่าเค้าออกแบบจากอะไร โอ้โห…มันช่างล้ำอะไรเยี่ยงนี้ เลยขอแวะแชะรูปด้วยสักหน่อยเก็บภาพพาโนรามาอ่าว Marina Bay มาฝากค่ะ
และด้วยความบังเอิญ หรือโชคดีก็ไม่รู้ วันที่บุ๊คก้าไปถึงเค้ามีงานซ้อมพิธีฉลองวันชาติด้วย เลยได้ดูโชว์เครื่องบินรบและการยิงปืนใหญ่ด้วยเลย
แต่ที่ตั้งใจจะมาดูกับเป็นแบบนี้ โถ…Merlion โดนขังซะแล้ว
เดินเล่น ดูซ้อมวันชาติอยู่นาน เลยได้เวลาหาของกิน เลยเดินไปทาง Citi Hall เดินไปเรื่อยเปื่อย เจอร้านร้านนี้เป็น Coffee&Toast ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เฮ้ย! มาสิงคโปร์ต้องกินขนมปังสังขยานิหว่า งั้นกินร้านนี้ละกัน
เข้าไปก็สั่งมาแบบจัดเต็มเลยคะ ทั้งขนมปังสังขยา เค้กแยม(เค้าเขียนว่างั้นแต่มันไม่ใช่เค้ก) และก็ไข่ลวกกับชาเย็นร้อน สรุปโดยรวมรู้สึกเฉยๆ มาก ขนมปังหวานมาก กินไม่หมด ส่วนเค้กแยม มันไม่ใช่เค้ก T_T แต่เป็นขนมแป้งผสมเผือกอะไรแนวๆ นั้น ราดซอสจืดๆ เค็มๆ หวานๆ รสชาติงงงง 555 สรุปกินไข้ดาวหมด นอกนั้นเหลือทั้งหมด
จบจากการกินก็เดินเล่นในห้างไปเรื่อยเปื่อย เบื่อแล้วก็เดินกลับมาที่ Marina Bay อีกรอบ ปรากฎว่า เค้ากำลังจะจุดพลุ นั่นโชคชั้นที่ 2 มา อิฉันเป็นคนชอบดูพลุอยู่แล้ว เลยนั่งดูยาวไปเลยค่ะ แหม..ทริปนี้มันช่างคุ้มจริงๆ มาแค่วันแรกก็แสนคุ้มแล้ว ^_^
หลังจากดูพลุเสร็จก็ได้เวลากลับมานอนพักกันแล้วค่ะ ภาพนี้คือสภาพที่พักคืนละ 500 บาทของเรา โดยรวมบุ๊คก้าว่าโอเคนะ สะอาดดี ทั้งที่นอนและห้องน้ำ
Day2
เช้ามาก็ตื่นแต่เช้ามากินข้าว ที่พักมีอาหารให้เป็นคอนเฟร็ค โยเกิร์ต นม กาแฟ ขนมปัง ค่ะ ลืมถ่ายรูปเพราะมัวแต่กินและเม้าท์กับคนไทยที่เจอกันตอนกินอาหารเช้า 555
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำและเก็บกระเป๋าเพื่อย้ายที่พัก ไปนอนโรงแรมที่ออฟฟิศจองไว้ให้ค่ะ
สำหรับที่พักคืนที่ 2 -3 บุ๊คก้าพักที่โรงแรม Carlton City Hotel พักเป็นห้อง Deluxe พร้อมอาหารเช้า ราคาอยู่ประมาณ 8,500 บาทต่อคืน ถ้าใครสนใจอยากพักที่พักหรูๆ ระดับ 5 ดาว เดินทางสะดวก มีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ฝั่งตรงข้าม และเงียบสงบ อย่างโรงแรม Carlton City Hotel ลองเข้าไปเช็คราคาในเว็บ Traveloka กันได้เลยจ้า (คลิกที่นี้ไปจองที่พัก)
มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องกันดีกว่าค่ะ บุ๊คก้าชอบห้องน้ำที่นี้มาก มีอ่างอาบน้ำ และกระจกแต่งหน้าให้ด้วย เปิดมาที่เห็นชัด อลังการ อยากมีไว้ที่บ้านมากๆ แบบนี้ ^_^
ความเลิศอีกอย่างคือมีเตารีดให้ด้วยนะคะขุ่นผู้ชม
หลังจากเข้าที่พัก เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อเลยดีกว่า เป้าหมายต่อไปของเราคือ Harbour Front วิธีไปก็แสนง่าย แค่นั่งรถบัสจากหน้าที่พักไปลงก็ถึงเลยค่ะ
การเดินทางส่วนใหญ่ในสิงคโปร์บุ๊คก้าเลือกใช้รถบัสเป็นส่วนมาก เพราะเข้าถึงสถานที่เที่ยวได้ง่าย และมีจุดจอดรถเยอะมาก แถมป้ายบอกทางและสายรถบัสที่สิงคโปร์เค้าเทพมาก ขนาดไม่ได้หาข้อมูลล่วงหน้า แค่ดูป้ายบอกสายรถเมล์ก็ขึ้นรถถูกสายแล้วอะ อ้อ..ที่สำคัญอย่าลืมนับป้ายและสักเกตป้ายที่เราจะลงจะได้ไม่นั่งเลยนะคะ ทางที่ดีหาที่นั่งชั้นล่างไว้ก็ดี เผื่อพลาดยังไงยังถามคนขับ หรือวิ่งลงรถได้ทันค่ะ
โอเช……..มาถึง Harbour Front ยังไงต่อหละที่นี้ ตอนแรกว่าจะเดินข้างสะพานไปฝั่ง Sentosa แต่อากาศร้อนมาก ร่มก็ไม่มี หมวกก็ลืมหยิบมา งั้นเดินเล่นในห้างก่อนละกัน
ห้างนี้ใหญ่ระดับกลาง มีร้านค้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาเก็ต ในสัดส่วนเท่าๆ กัน
เดินซุปเปอร์ไปมา ช้อปปิ้งซื้อของซะงั้น 555 โดยเฉพาะ น่องไก่งวง 2 น่องนี้ เห็นแล้วอยากกินมากๆ
สรุป ได้เอาน่องไก่งวงมานั่งกินชมวิวชิวๆ ค่ะ 555 จัดเต็มตลอดกับงานกิน มันก็ร้อนหน่อยๆ นะ แต่ก็ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ
กินเสร็จก็เลยตัดสินใจเอาของมาเก็บที่ห้องพักก่อน เพราะ 3 ถุงนี้ไม่ควรถือไปไหนต่อแล้วหละ หนักเกิน
เก็บของเสร็จแล้วตัดสินใจว่าไปเดินเล่น Orchard ดีกว่า เลยเดินมาขึ้นรถบัสแถวที่พักนั่งรถบัสยาวไปเลยค่ะ
ถึง Orchard ก็เดินเล่นตามถนน และในห้างไปเรื่อย ซื้อของโน้นนี่นิดหน่อย
เดินไปเดินมา เจอไอติมหน้าตาแปลกๆ เลยต้องขอแวะจัดสักหน่อย อากาศร้อนๆ ได้กินอะไรเย็นๆ แบบนี้ช่างชื่นใจจริงๆ
เดินจนเย็น ได้เวลาไปเจอน้อง(เพื่อร่วมงานที่ออฟฟิศ)แล้ว นัดกันไว้ที่ Citylink เลยแวะกิน Sushi Express เป็นข้าวเย็นซะเลย
กินซูชิเสร็จกลับที่พักมาอาบน้ำแล้วยังคงมีความต้องการอาหารกันต่อ เลยลงมาช้อปซุปเปอร์มาเก็ตตรงข้างโรงแรม 555 ที่จริงคือแวะซื้อของฝากด้วยค่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องทำงานกันแล้ว ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นต่อแล้ว
เสร็จแล้วยังจะไปแวะ 7-11 อีกนะ เพราะจำได้กว่าตอนกลางวันเดินผ่านแล้วเห็นว่ามีมันบดขาย เลยแวะไปจัดมา 1 ถ้วย รถชาติค่อนข้างปลอม (ปลอม=พลาสติก สำเร็จรูป) แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเค แปลกดี บ้านเราไม่มี
Day 3
เช้าวันต่อมาก็ได้เวลาทำงานกันแล้ว เลยลงมากินข้าวที่ห้องอาหารโรงแรม สำหรับอาหารเช้าที่โรงแรม Carlton City ค่อนข้างหลากหลาย มีให้เลือกเยอะมาก แต่ด้วยความที่เราต้องออกไปทำงานเช้าเลยกินได้แค่นี้
พอเริ่มทำงาน ก็มีขนมมาให้กินอีก อิอิ คุกกี้แพนกวินนี้อร่อยเวอร์ คนที่สิงคโปร์บอกว่ามันเป็นคุกกี้ดังที่คนชอบซื้อเป็นของฝากกัน
พอเที่ยงก็มากินข้าวต่อ มื้อนี้เป็นอาหารอิตาเลียนที่ทีมงานสิงคโปร์พามากินชื่อร้าน Marché Mövenpick
เมนูส่วนใหญ่ก็แนว พิซซ่า พาสต้า สลัด
หน้าตาและรสชาติออกไปทางอิตาเลียนแบบออริจินอล สำหรับบุ๊คก้าคิดว่ารสชาติกลางๆ เฉยๆ แต่มื้อนี้เป็นการกินตามมารยาท 555 ดังนั้นอิฉันจิไม่บ่น เพราะมาทำงานค่ะทำงาน รีบกินให้เสร็จแล้วกลับไปทำงานต่อเร็วบุ๊คก้าเอ้ย….
หลังจากจบงานวันนี้ ก็ไปดินเนอร์กันต่อที่ Marina Bay
และแล้วความโชคดีครั้งต่อไปของบุ๊คก้าก็มาถึง เย้ๆๆๆๆ เจ้า Merlion หลุดออกมาจากกรงตาข่ายเขียวๆ ที่ถูกกักไว้เมื่อ 2 วันก่อนแล้ว ช่างโชคดีแท้ นึกว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปกับนางแล้ว
โอเคกลับมาที่เรื่องกินกันต่อ สำหรับดินเนอร์ของเราวันนี้กินกันที่ร้าน Over Easy เป็นร้านออกแนวบาร์มากกว่าร้านอาหารนะ มาถึงเค้าก็จัดเบียร์กันเลย ขุ่นพระ..เค้าสายของคราว อาหารที่สั่งกินกันก็เป็นพวก ไก่ทอด เบอร์เกอร์ อะไรแถบๆ นั้น (ไม่ได้ถ่ายรูปนะ ร้านมันมืดมาก มองไม่เห็นอาหารเลย)
จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่ เราสามารถดินเนอร์ไปพร้อมๆ กับการดูโชว์ไฟที่ตึก Marina Bay Sands ได้ เลิศค่ะ
หลังจากกินเสร็จก็ขอแวะไปถ่ายรูปกับ Merlion ตอนพ้นน้ำซะหน่อย
จากนั้นก็แยกย้าย แต่…………………….บุ๊คก้าไม่อิ่ม 55555 เลยแวะไปหาของกินต่อที่ Telok Ayer Market ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ Marina Bay เดินไปไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว
Credit รูปจาก Google street
เดินเลือกอาหารสักพัก สรุปได้มา 2 อย่าง คือ ข้าวมันไก่ และบะหมี่เกี๋ยวหมูแดง บอกเลยอร่อยทั้งคู่ กินหมดเกลี้ยง 555 ใครชอบหาของกินดึกๆ แนะนำว่าควรแวะมากินที่ Telok Ayer Market เพราะมีแต่ของน่ากินและราคาไม่แพงด้วยค่ะ
พอกินเสร็จก็กลับที่พักเก็บของเตรียม check out วันพรุ่งนี้
Day 4
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่บุ๊คก้าอยู่ที่สิงคโปร์แล้วค่ะ ช่วงเช้าก็กินข้าวโรงแรมแล้วออกมาทำงานตามเดิม
แต่พอ “มื้อเที่ยง” เท่านั้นแหละ ขุ่นพระ!.. วันนี้ทีมงานสิงคโปร์พามาจัดหนัก พามากินอาหารจีนที่ภัตคาร Imperial Treasure
มาค่ะ เริ่มเลย เปิดกันที่เป็ดปักกิ่ง เชฟมาแล่หนังเป็ดให้ดูกันถึงที่โต๊ะแบบนี้เลยค่ะ เนื้อเป็ดนี่นุ่ม และหวานกำลังดี หนังก็กรอบหอมมากๆ เขียนรีวิวไปน้ำลายไหล่ไปเลยคะตอนนี้
จากนั้นตามมาด้วย หมูแดง ไก่ และหมูสามชั้น แล้วก็มีก๋วยเตี๋ยวหลอด และก็ซุปอะไรสักอย่าง เรียกไม่ถูก แต่ออกแนวมีไส้แล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้ อร่อยดีเหมือนกันคะ่
ที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของร้านนี้คือติมซำ ซึ่งมีทั้งแบบนึง อบ ทอด ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่าง ส่วนแถวล่างเป็นเนื้อเป็ดที่นำไปผัด – ซาลาเปาใส่ไข่เค็มที่อร่อยที่สุดในโลกเท่าที่เคยกินมา ของร้านนี้อร่อยจนน้ำตาจะไหล – สุดท้ายเป็นวุ่นเส้นหรือเส้นหมีกับซุปอะไรสักอย่าง แยกไม่ออกว่าคืออะไร แต่รสชาติกลมกล่อม กินง่ายดีค่ะ
สรุปมื้อนี้กินอิ่มมาก พยายามกินแล้วแต่ก็ไม่หมด เรียกว่าเหลือกันเต็มโต๊ะเลยค่ะ ส่วนราคาไม่อยากจะคิดถึง 555 มื้อนี้แพงแน่นอน แต่ดีนะไม่ได้จ่ายเอง ครั้งหน้าไปสิงคโปร์บุ๊คก้าจะต้องแวะมาทานร้านนี้อีกให้ได้ เพราะอร่อยมากๆ เรียกว่าหยอดกระปุกรอมากินเลยก็ว่าได้ค่ะ
หลังจากที่มากินหนักจัดเต็มที่สิงคโปร์อยู่ 4 วัน 3 คืน ก็ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว ทริปนี้เป็นทริปสิงคโปร์ครั้งแรกของบุ๊คก้า มาแบบไม่เน้นเที่ยวแต่เน้นกินซะมากกว่า ยังไงถ้าใครอยากมาเที่ยวเล่น เดินหาของกินแบบบุ๊คก้าก็ลองวางแผนการเดินทางและการจองที่พักกันล่วงหน้านะคะ จะได้ประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินและค่าห้องพัก เก็บไว้มาหาของกินอร่อยๆ แบบนี้
และนอกจากเรื่องที่พักและตั๋วเครื่องบินแล้ว เรื่องกิจกรรมต่างๆ ในสิงคโปรก็เป็นอีกเรื่องที่ควรวางแผนซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าไปเหมือนกัน เพราะจะยิ่งช่วยให้ประหยัดเงินเพิ่มขึ้นไปอีก > ดูกิจกรรมและเช็คราคาออนไลน์
สำหรับทริปนี้บุ๊คก้าก็ต้องขอจบเท่านี้นะคะ ไว้ไปเที่ยวไหนมาจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ บ๊าย บาย ^_^