ทริปนี้บุ๊คก้าขอแยกเป็น 6 ตอน นะคะ
เพราะว่าไปเที่ยวมาตั้ง 7 วัน แต่ละเมืองมีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่มากค่ะ
วันแรก เมืองเกียวโต (Kyoto 1 Day trip)
วันที่ 2 เมืองคานาซาวา (Kanazawa 1 Day trip)
วันที่ 3 เมืองทาคายาม่า (Takayama 1 Day trip)
วันที่ 4 เมืองชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go 1 Day trip)
วันที่ 5 เมืองนารา (Nara 1 Day trip)
วันที่ 6 และ 7 เมืองโอซาก้า (Osaka 2 Days trip)
ดูรายละเอียดได้จากรีวิวแต่ละตอนนะคะ
Day 1 | Kyoto
เริ่มวันแรกด้วยอาหารแสนอร่อย ตอนเราจองโรงแรม ibis Styles Kyoto Station ลองอ่านรีวิวดู นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่บอกว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อย เลยตัดสินใจเลือกจองที่พักแบบรวมอาหารเช้าด้วย บอกเลยว่าอร่อยจริงค่ะ มีของหลากหลาย สัดส่วนของ แป้ง เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ก็ไม่แย่ ขนมปังอร่อยนะคะ เครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะดี สรุปแล้วถ้าพักที่นี่ควรจองที่พักด้วย อันที่จริงอาหารเช้าวันแรก อร่อยกว่าวันที่ 2 อันนี้แม่แอบบ่นมา แต่บุ๊คก้าว่าขึ้นอยู่กับว่าชอบกินอะไรมากกว่า รวมๆ แล้วบุ๊คก้าว่าใช้ได้เลยค่ะ
กินกันอิ่มแล้วก็ออกไปเที่ยวกับต่อเลย เราไปญี่ปุ่นรอบนี้เป็นช่วงกลางเดือนมกราคม เป็นช่วงหน้าหนาวมากกกกกกกก อณุหภูมิอยู่ประมาณ 6 – ลบ 3 องศา ค่ะ
เนื่องจากอาหารอร่อย ที่บ้านเลยกินวน เติมแล้วเติมอีกไม่จบสักที 555 กว่าจะได้ออกเที่ยวก็ 8.30 น. แล้ว
จุดหมายแรกของเราคือ “ป่าไผ่ Arashiyama” เรานั่ง JR ไปลงสถานี Saga-Arashiyam ด้วยความเข้าใจผิดว่า Takayama-Hokuriku Pass สามารถใช้ JR ในเมืองเกียวโตได้ด้วย พอไปถึงปลายทางถึงได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่รวมใน Pass เลยต้องจ่ายค่ารถไฟจาก JR Kyoto > Saga-Arashiyam 220 เยน
ฉะนั้น ใครจะนั่ง JR ในเกียวโตก็เตรียมจ่ายตังค์เพิ่มนะคะ หรือไม่ก็นั่งรถบัสมาแทน ด้วยบัตร Kyoto Bus Pass 600 เยน
แต่ข้อดีของการนั่ง JR มาก็คือประหยัดเวลามากกว่า เพราะ JR ใช้เวลาจาก Kyoto Station ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นรถบัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมงค่ะ
จากนั้นเราก็เปิด Google Map เดินเลยค่ะ ไปง่ายมาก
เดินไปถึงปากทางเข้าให้มองหน้าป้ายและร้านหน้าตาแบบนี้ค่ะ ซอยนี้แหละทางเข้าป่าไผ่
เราไปถึงกัน 9 โมงกว่าเกือบ 10 โมง เพราะแวะถ่ายรูปและหาของกินตลอดทาง พอเข้าป่าไผ่เลยเจอคนค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยค่ะ หามุมถ่ายรูปค่อนข้างยาก ก็ค่อยๆ เดินไป ใจเย็นๆ รอคนไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอยากได้คนน้อยๆ หรือไม่มีคน แนะนำให้ไปถึงไม่เกิน 8 โมงครึ่งค่ะ
จากนั้นเราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ สุดทางเลี้ยซ้ายเดินไปทางแม่น้ำ Katsure หรือที่นิยมเรียกกันว่าแม่น้ำ อาราชิยามะ เดินมาถึงตรงนี้ก็เหนื่อยกำลังดี จะได้นั่งพักดูวิวแม่น้ำกันแบบชิลชิล
เดินมาอีกหน่อยเราจะเจอ Togetsu-kyō Bridge หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าสะพานอาราชิยามะ เดินข้ามสะพานนี้มา จะเจอร้านขายกล่องดนตรี ร้านไอศครีม ร้านอาหาร ถ้าอากาศไม่หนาวจนเกินไป เราชอบซื้อของมานั่งกินริมแม่น้ำ ชมวิวไป กินไป เพลินดีค่ะ
จากนั้นเราก็เดินข้างสะพานกลับไปเพื่อขึ้นรถบัสไปวัดทองกันต่อค่ะ
วิธีไปวัดทอง จาก อาราชิยามะ ด้วยรถบัสก็ไม่ยาก แต่ต้องต่อรถ 2 สายค่ะ
ให้นั่งรถสาย 93 ไปลงป้าย Nishinokyo Enmachi
จากนั้นต่อรถสาย 204 หรือ 205 ไปลงป้าย Kinkakuji-michi
จากนี้เราจะใช้ Kyoto Bus 1 Day Pass ซื้อได้จากคนขับรถ ราคา 600 เยน (เด็ก 300 เยน) ซื้อตอนจะลงรถได้เลยค่ะ
ก่อนเข้าวัดก็ต้องไปซื้อบัตรเข้าชมกันก่อน ราคา 400 เยน เปิดตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น. แต่ผ่านประตูเข้าชมได้ถึง 16.30 น.
จุดเด่นของที่นี้คือ ศาลากลางน้ำสีทอง เป็นมุมมหาชน คนเพียบทุกรอบที่มาเลยจ้า
ส่วนตัววัดจะอยู่ด้านในค่ะ ที่นี้ค่อนข้างเงียบสงบ แม้คนจะเยอะแต่ก็ไม่วุ่นวานค่ะ
ออกจากวัดทองมาให้ขึ้นสาย 12 นั่งไป 2 ป้าย ไปลงป้าย Kitaoji Horikawa ไปต่อรถสาย 206 ลงป้าย Kiyomizu-michi ก็ถึงทางเข้าวัดแล้วค่ะ
วัดน้ำใส หรือ วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) เป็นวัดที่โด่งดังมากในเกียวโต ตั้งอยู่บนเขา ระหว่างทางมีร้านค้า และวัดอื่นๆ ให้แวะเที่ยวชมอีกหลายวัด ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 10 – 30 นาที แล้วแต่จะแวะมากน้อยแค่ไหน
ก่อนเข้าวัดเราก็ต้องไปซื้อตั๋วเข้าชมกันก่อน ค่าเข้าชม 400 เยน เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า เวลาปิดแล้วแต่ทางวัต ส่วนใหญ่ก็จะเปิดถึง 5 – 6 โมงเย็น
จุด Highlight ของวัดนี้คือนี่เลยค่ะ T_T ศาลาที่อยู่บนเขาแบบนี้ แต่เค้าปิดปรับปรุง ที่จริงทยอยปรับปรุงวัดมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ปี 2018-2019 จะเป็นการบูรณะในส่วนของศาลาหลัก และจะบูรณะเสร็จทั้งวัดในปี 2020 เลยถ่ายรูปตัวอย่างช่วงฤดูต่างๆ มาให้ดูแทน
นอกจากเป็นจุดชมวิวเมืองเกียวโตแล้ว ยังโด่งดังเรื่องขอพรโดยการดื่มน้ำศักสิทธิ์ที่ไหลมาจากยอดเขา แบ่งออกเป็น 3 สาย ได้แก่ อายุยืน, ประสบความสำเร็จในการเรียน, ชีวิตคู่
จากนั้นเราก็เดินลงจากวัดน้ำใสมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอศาลเจ้ายาซากะ Yasaka Shrine ศาลเจ้านี้เปิดให้สักการะได้ตั้งแต่ 9.000 -17.00 น. และเปิดไฟตอนกลางคืน ถึงแม้เราจะมาถึงเกือบทุ่ม แต่ก็ยังเปิดไฟและมีคนมาถ่ายรูปเล่นอยู่ค่ะ
ออกจากวัดนี้ เราก็เดินไปหาของกินและช้อปปิ้งกันต่อที่ Shinkyogoku Shopping Street แล้วค่อยนั่งรถกลับที่พักกันประมาณ 3 ทุ่ม จากนั้นก็รีบเข้านอนเตรียมพร้อมออกเดินทางย้ายเมืองไปคานาซาว่ากันต่อ
Pingback: เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 6 เมือง 7 วัน 8 คืน 30,999 บาท | รีวิว × ฮาวทู : ของกิน-ท่องเที่ยว-ช้อปปิ้ง Bookca Ma sh
Pingback: รีวิว: พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น 6 เมือง 7 วัน 8 คืน [วันที่ 5 เที่ยว Nara 1 วัน] | รีวิว × ฮาวทู : ของกิน-ท่อ
Pingback: รีวิว: พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น 6 เมือง 7 วัน 8 คืน [วันที่ 6 และ 7 เที่ยว Osaka 2 วัน ด้วย Osaka Amazign Pass 2 Days] | รีวิ
Pingback: รีวิว: พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น 6 เมือง 7 วัน 8 คืน [วันที่ 4 เที่ยว Shirakawa-go 1 วัน] | รีวิว × ฮาวทู : ของกิน-
Pingback: รีวิว: พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น 6 เมือง 7 วัน 8 คืน [วันที่ 3 เที่ยว Takayama 1 วัน] | รีวิว × ฮาวทู : ของกิน-ท
Pingback: รีวิว: พาครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น 6 เมือง 7 วัน 8 คืน [วันที่ 2 เที่ยว Kanazawa 1 วัน] | รีวิว × ฮาวทู : ของกิน-ท