เช้าวันใหม่หลังจากเราลากกระเป๋ามาเข้าที่พักที่โอซาก้ากันเมื่อคืนนี้ ก็เริ่มช้อปปิ้งกันเลย เพราะที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจากเมก้าดองกี้ ร้านดองกิสาขาใหญ่ที่เปิดถึงตี 5

โรงแรมในโอซาก้าที่บุ๊คก้าเลือกพักชื่อว่า Hotel.Links สาขา Shin-Imamiya ที่เลือกพักในย่านนี้ เหตุผลหลักๆ คือ ที่พักใกล้รถไฟ JR และ รถไฟใต้กิน

อันที่จริงคนไทยหลายคนอาจจะไม่กล้าพักในย่าน Shin-Imamiya เพราะเป็นย่านพักพิเศษที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดสรรไว้ให้คนชราหลังเกษียณและคนไร้บ้านอยู่อาศัย และอาจเคยได้ยินข่าวไม่ดีที่เกิดในย่านนี้กันมาบ้าง จากประสบการณ์ที่เคยมาเที่ยวย่านนี้ 1 ครั้ง และมาพัก 3 คืน ก็พอรู้สึกถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยบ้าง เพราะคนไร้บ้านไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ก็จะดูไม่น่าไว้ใจ บวกกับมีผู้สูงอายุจำนวนมาก อาจทำให้ดูทุกอย่างนิ่งๆ ช้าๆ เงียบๆ ไปหมด พอตกกลางคืนตามแยกและปากซอยจะมีตำรวจเฝ้าเป็นระยะ เพื่อความปลอดภัยก็ทำให้อุ่นใจมากขึ้นค่ะ

ถึงแม้ย่านนี้จะฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าเราเลือกที่พักติดถนน และไม่เดินเข้าซอยเล็ก ให้เกิดความเสี่ยงแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล อีกอย่างที่ย่านนี้น่าสนใจคือ ของกินในย่านนี้ราคาถูก ตั้งแต่ตู้กดน้ำที่เริ่มต้นที่ 50 เยน ยันไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตราคาถูกอย่าง Tamada ที่เปิดขาย 24 ชั่วโมงเลยค่ะ

Day 5 | Nara

เข้าสู่วันที่ 5 กันแล้ว วันนี้เราออกเดินทางกันค่อนข้างสายเพราะเหนื่อยกันหลายวันที่ผ่านมา บวกกับนาราอยู่ใกล้โอซาก้าแค่นิดเดียว บวกกันมีรถไฟมาเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวตกรถ เลยไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก

เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานที Nara ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

การเดินทางท่องเที่ยวในนารา นิยม 2 แบบคือ นั่ง Bus และเดินเที่ยว สำหรับใครที่อยากนั่ง Bus เที่ยว นิยมซื้อเป็น 1 Day Bus pass 500 เยน หรือถ้าไม่ซื้อ Bus Pass ก็สามารถจ่ายเป็นเที่ยวก็ได้ เที่ยวละ 210 เยน

และอีกวิธีคือเดินเที่ยวค่ะ ทริปนี้บุ๊คก้าเลือกเดินทาง 2 วิธีผสมกัน คือ นั่งรถบัสไปลงจุดปลายทาง แล้วค่อยๆ เดินกลับมา เพราะจุดที่เราสนใจเป็นมีไม่เยอะ เลยไม่ได้นั่งรถเที่ยวรอบเมือง

เรานั่งรถบัสจากสถานีรถไฟไปลงป้าย N7 เพื่อเริ่มเที่ยว

ลงจากป้ายรถเมย์ให้เดินย้อนมา เราก็จะเจอป้ายนี้ เห็นแล้วใจชื้นเพราะเดินกลับสถานีรถไฟแค่ 1.3 กิโลเมตรเอง เดินได้สบายมาก 555

จากจุดที่เราลง เดินมาจะเจอสวนธารณะ Ukigumo Park ที่นี่มีน้องกวางยืนรอต้อนรับเต็มไปหมด 

ในสวนสาธารระจะมีข้าวเกรียบแบบนี้ขายสำหรับไว้ให้อาหารกวางโดยเฉพาะ อันละ 150 เยน

กวางหลายๆ ตัวก็นิสัยดีมาก ยืนโค้งให้ โค้งแล้วโค้งอีก จนกว่าเราจะให้กิน แต่บางตัวก็ทำนิสัยไม่ดี แย่งของจากมือไปเลยก็มี ของที่ว่าไม่ใช่อาหารด้วยนะ แต่เป็นถุงที่ใส่ของไว้ แล้วนางดึงถุงเอาของข้างในออกมา เจอแผนที่ นางก็กินไปทั้งอันเลย เรานี่ได้แต่ยืนอึ้งว่า ทำไงดี นางกินไปแล้ว -_-‘

ได้เวลาเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่วัดกันดีกว่า

พอเดินมาถึงหน้าวัดก็เจอกับฝูงชนหนาแน่นมาก ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ และนักเรียนที่มาทัศนศึกษา

“แฮะๆ สวัสดีนักท่องเที่ยว เห็นเรายิ้มแบบนี้ เพื่อนเราบางตัวก็ไม่ได้ใจดีน้าง โปรดระวังหลังกันด้วย”

หามุมสวยๆ ถ่ายกวางยากมากเลยค่ะ มีแค่ตัวนี้ที่ยอมยืนให้ถ่ายแบบรัวๆ

หลังจากเล่นกวางเสร็จ ซึ่งบอกเลยว่าเล่นกวางไปชั่วโมงนึง 555 พ่อแม่ชอบมาก มันธรรมชาติสุดๆ หลังจากนั้นเราก็เดินเข้ามาด้านในวัดโทได Tōdai-ji จะมีค่าเข้าคนละ 1,000 เยน

วัดไทโด หรือวัดไทโดจิ เป็นวัดพุทธในเมืองนารา และมีพระใหญ่(ไดบุตสึเด็ง) 1 ใน 3 องค์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นประดิษฐานอยู่ในศาลา และศาลาวัดนี้ได้รับการบันทึกเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในทะเบียนเดียวกับวัด ศาลเจ้า และสถานที่สำคัญอื่นๆ อีก 7 แห่งในเมืองนาระอีกด้วย

ส่วนด้านหน้าก่อนถึงวัดจะมีพิพิธพันธ์วัดไทโดด้วย ในนี้มีร้านกาแฟ และห้องน้ำให้บริการด้วยค่ะ

เดินออกมาด้านหน้าวัด ก็จะเจอร้านค้าของฝากของกิน

และแล้ว เราก็ได้เวลากินกันอีกแล้วค่ะ ร้านอาหารหน้าวัดมีไม่เยอะ เลยเลือกกินร้านที่มีเมนูที่ไม่ใช่เนื้ออีกตามเคย รถชาติอร่อยดีค่ะ โดยเฉพาะไก่ทอดร้านนี้อร่อยมาก

กินอิ่มแล้วก็ออกเดินเท้าไปวัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji Temple) เป็นวัดขนาดไม่ใหญ่ที่นักท่องเที่ยวมักแวะมาสักการะ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เดินจากวัดโคฟุคุจิ มาอีกไม่นาน ก็ถนนสายช้อป แต่ทะว่า ไม่รู้ว่าเรามาช้าไปหรือย่างไร ร้านส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว นี่มันบ่าย 3 เองน้า

แต่ร้านนี้ที่ตั้งใจมายังไม่ปิดจ้า ร้านขนมโมจิที่โด่งดังระดับ TV Champion ต้องมาถ่าย ร้าน Nakatanidou นั่นเอง มาถึงหน้าร้านเค้าไม่ได้ทุบขนมกันแล้ว เค้าทำขนมเสร็จแล้ว เลยได้แต่ซื้อชิม อดดูวิธีการทุบดังโง๊ะเลย แต่ชอบนะ แป้งนางนุ่มมาก และไส้ไม่หวาน เรียกว่ากินเพลินมาก

หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปสถานีรถไฟนารา ที่จริงตามแผนจะต้องไป Outlet กันต่อ แต่ด้วยความที่ดูอาการ พ่อแม่เหนื่อยๆ และอยากเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตมากกว่า Outlet เลยแยกกับน้องชายให้น้องชายไป Outlet เพื่อช้อปปิ้งคนเดียว ส่วนเราพาพ่อแม่เดินซุปเปอร์มาร์เก็ตในสถานีรถไฟนาราสักพักแล้วก็กลับที่พักไปพักผ่อนกันเลย ทำให้วันนี้ทริปของเราจบไวกว่าวันอื่นๆ เพื่อชาร์ตพลังเก็บไว้เที่ยวในวันต่อไป

เราเที่ยวมาแล้ว 5 วัน เหลือ 2 วันสุดท้ายทีจะเที่ยวในโอซาก้ากันต่อด้วย Osaka Amazing Pass 2 Days มีอะไรน่าเที่ยวบ้างไปดูกันต่อที่รีวิวต่อไปเลยจ้า

วันที่ 6 และ 7 เมืองโอซาก้า (Osaka 2 Days trip)

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะคะ ถ้าอ่านแล้วสงสัยส่วนไหนก็ทักมาถามกันได้ที่ www.facebook.com/BookcaMaShare นะคะ เพราะบางส่วนอาจไม่ได้ลงข้อมูลละเอียดกลัวจะงงกัน เอาเป็นว่าแชร์ข้อมูลให้เป็นไอเดียเที่ยวกับก่อน อยากรู้อะไรเพิ่มทักมาถามกันได้เลยจ้า