เช้าวันที่ 4 วันนี้เราจะไปชิราคาวาโกะ ด้วยรถ Hokutetsu bus ที่จองด้วย Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass กันค่ะ สำหรับการจองรถบัสด้วย Pass พิเศษ จะต้องโทรจองเท่านั้น รถบัสจะเปิดให้จองล่วงหน้า 1 เดือน สามารถโทรจองได้ที่ Nohi Bus Reservation Center (0577)32-1688 (9:00-18:00 น.) หรือ  Hokurikutetsudou Reservation Center (076)234-0123 (9:00-18:00 น.) และควรจองรถทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกับเพื่อจะได้ไม่ต้องไปยืนต่อแถวขึ้นรถขากลับ

> ตรวจสอบตารางเวลาได้ที่นี่

แต่ถ้าใครมีปัญหาจองรถไม่ได้ เพราะไม่มีรถว่างเหลืออยู่แล้ว Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ยังมีอีกเส้นทางให้เลือกคือ นั่งชินคันเซนไปลงสถานี Toyama แล้วขึ้นรถบัสจาก Toyama ไปแทนก็ได้ค่ะ รถบัสจาก Toyama ไม่มีให้จองนะคะ ต้องไปตามเวลารถออกค่ะ 

Day 4 | Shirakawa-go

เช้าวันนี้ที่คานาซาว่าหิมะตกค่ะ ตกตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้าเลย เสียดายที่ไม่ได้ตกวันที่เราเที่ยว 1 Day ในคานาซาว่ากัน แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้เราจะไปเล่นหิมะกันยาวๆ ที่ชิราคาวาโกะแล้วจ้า

ยืนดูหิมะตกสักพัก รถบัสก็มา เราขึ้นรถบัสที่ช่องเบอร์ 2 เป็นรถสีส้มของบริษัท Hokutetsu bus ค่ะ ถึงแม้จะเป็นรถของ Hokutetsu bus แต่ตอนจองเราโทรไปที่ Nohi Bus Reservation Center (0577)32-1688 ก็จองได้เหมือนกัน ตั๋วรถบัสที่จองจะเป็นตั๋วระบุที่นั่ง ก่อนขึ้นรถเจ้าหน้าที่จะเก็บตั๋วไป ยังไงก็อย่าลืมจำเลขที่นั่งของตัวเองกันให้ดีๆ นะคะ

รถออกแล้ว วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าหิมะจะตกเบาๆ ทั้งวัน ^_^ ดีจัง ตอนแรกกลัวจะเจอฝนมากเลย เพราะถ้าฝนตกจะหนาวทรมาน

นั่งรถบัสจาก Kanazawa ไปถึง Shirakawa-go ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง ไปถึงแล้วเราก็มุ่งตรงไปขึ้นรถบัสไปจุดชมวิวกันก่อนเลย

สำหรับเส้นทางที่เราเดินทางกันวันนี้ เราจะนั่งรถไปจุดชมวิว แล้วเดินลงมา จากนั้นก็เดินเล่นรอบหมู่บ้านตามภาพนี้เลยค่ะ

ออกจากท่านรถมาให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ

เดินมาถึงเราจะเจอป้ายแบบนี้ค่ะ ก็ให้มองหาปลายแถม แล้วต่อแถวได้เลย ราคาต่อเที่ยว 200 เยน รถออกทุกๆ 20 นาที หรือถ้าใครจะเดินขึ้นก็ได้ แต่เรานั่งรถขึ้นเพราะไม่แน่ใจว่าทางวันนี้เดินขึ้นได้ไหม เลยนั่งรถขึ้นไปก่อนค่ะ มีรถบริการแค่คันเดียวถ้าเจอทัวร์จะต้องยืนต่อคิวนานหน่อยค่ะ

รถขึ้น-ลงจะจอดที่เดียวกัน ที่จริงรถวิ่งขึ้นแค่ 10 นาที และบวกเวลาจัดการคนอีก 10 นาที เลยทำให้เวลาเดินรถเป็นทุกๆ 20 นาทีต่อเที่ยว 

ไปถึงก็เดินมุ่งหน้าไปจุดชมวิวก่อนเลยค่ะ เพราะกลัวคนจะเยอะ เลยรีบไปจุดไฮไลท์กันก่อน

วิววันนี้ฟ้าปิด มีหิมะตกเบาๆ อย่างกะ MV ให้พอมองเมืองเป็นหมอกๆ ฝันๆ ประมาณนี้

ข้างบนนี้มีจุดบริการถ่ายรูปด้วยค่ะ ถ่ายให้ฟรี ทั้งกล่องเค้า และกล้องเรา ถ้าอยากได้รูปที่เค้าถ่ายให้ ขายใบละ 1,500 เยน

รูปที่เค้าถ่ายให้ก็สวย รูปในกล้องเราก็สวย เลยซื้อรูปที่เค้าถ่ายให้กลับบ้านมาด้วยค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่น่ารักสุดๆ พูดภาษาไทยได้ด้วยนะ ที่จริงพูดได้หลายภาษาเลย เค้าจะถามเราก่อนว่ามาจากไหน หลังจากนั้นก็พูดภาษานั้นๆ ค่ะ

นอกจากจุดชมวิวแล้ว ด้านข้างก็ยังมีล่านโล่งให้เล่นหิมะกันด้วย

คนไม่เยอะมาก เล่นหิมะกันเพลินสุดๆ

จากนั้นเราก็เดินลงค่ะ เห็นทางเปิด ท่าทางไม่น่าลื่นมาก เลยไม่นั่งรถ เดินชมวิวถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 – 15 นาที อากาศดีๆ เดินไม่เหนื่อยเลย

เดินมาสักพักก็เริ่มหิว 555 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยเปิด Google map หาร้านใกล้ๆ ดูรูปรีวิวประกอบว่ามีร้านไหนที่พอจะมีของกินน่าสนใจบ้าง เลื่อนไปเรื่อยๆ เจอร้านนี้ น่าสนใจ เพราะทั้งกรุ๊ปเราไม่กินเนื้อ ร้านนี้มีเมนูอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อให้เลือกเยอะดีค่ะ

ร้านนี้ชื่อว่า Tanaka-ya ถ้าดูจากแผนที่ที่การท่องเที่ยวชิราคาวาโกะให้มาจะอยู่เบอร์ 43 ค่ะ 

ภายในร้านเป็นบ้านวาดะแบบโบราณ ดูอบอุ่น ร้านไม่ใหญ่มาก มีประมาณ 6-7 โต๊ะ

เก็บเมนูอาหารและราคามาฝากค่ะ

ชามแรกเป็นโซบะเทมปุระ รสกลางๆ เส้นนิ่มๆ ซุปใส่ๆ กุ้งหวานดีค่ะ

ส่วนเซทนี้ของบุ๊คก้าเอง

ชอบปลานี้มาก อร่อย เนื้อนุ่มๆ รสหวานซอส กินได้ทั้งตัว ที่บ้านสั่งเพิ่มมากินเล่นอีก 4 ตัว เพราะอร่อยมาก

ส่วนอันนี้เป็นไข่ข้นกับเห็ด และโซบะ รสกลางๆ เน้นธรรมชาติ 

กินกันอิ่มแล้วก็ออกมาสัมผัสความหนาวกันต่อ ตกบ่ายแล้วหิมะก็ยังไม่หยุดตกเลยจ้า

ในชิราคาวาโกะบ้านเรื่อนจะคล้ายๆ กันหมด แต่ขายของต่างกันไป ต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าขายอะไรบ้าง มีทั้งของกิน ของฝาก ของพื้นบ้านให้เลือกช้อป

และก็มีสถานที่สำคัญๆ กับบ้านที่เปิดให้เข้าดูวิถีการใช้ชีวิตแบบโบราณด้วยค่ะ

เราเดินไปเรื่อยๆ ตามทางไปสะพาน พอเจอเสาโทอิต้นนี้ คือจะถึงสะกานแล้ว ที่จริงตรงนี้เป็นทางเข้าวัดค่ะ เป็นวัดอยู่ริมแม่น้ำ แต่ตอนเราไปเค้าปิดซ้อมแซม

ไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำช่วงบ่ายกว่าๆ คนเยอะมากๆ เห็นรถบัสไกลๆ นั่นไหมคะ คนเยอะที่จุดนี้เพราะเป็นจุดจอดรถบัสค่ะ คนเลยต้องเดินผ่านกันเยอะมาก

ต้องใจเย็นๆ รอจังหวะให้คนน้อยลงถึงจะถ่ายรูปแบบโล่งๆ ได้ค่ะ

เดินไม่ทันไร ด้วยความหนาว หิวอีกแล้วจ้า อากาสร้อนๆ แบบนี้กินขนมย่างร้อนๆ ฟินแท้

หลังจากนั้นเราก็เดินกลับกันค่ะ ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆ อีกหลายจุด

เดินมาจนถึงจุดขึ้นรถบัสไปจุดชมวิว ปรากฎว่า ฟ้าใสๆ เพิ่มเผยตัวออกมาจากก้อนเมฆแล้ว ที่จริงก็ได้อย่างเสียอย่างนะ ถ้ามาวันฟ้าใส ก็จะไม่เจอหิมะตก แต่ถ้าอยากเจอหิมะตกแบบเรียวๆ ก็ต้องยอมฟ้าปิด แต่ไม่ว่ายังไง ชิราคาวาโกะก็สวยจับใจ กลับมาแล้วยังคงคิดถึงและยังอยากกลับไปอีก 

ชิราคาวาโกะเป็นเมืองมรดกโลก ที่ไม่มีกิจกรรมอะไรมากค่ะ แต่มีเสน่ห์หนักมา และไม่ได้มีเสน่ห์แต่ฤดูหนาว แต่ในทุกๆ ฤดู ชิราคาวาโกะก็จะมีสีสัน และให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป รับรองว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไปเที่ยวได้มากกว่า 1 ครั้งแน่นอน

หลังจากเราดื่มด่ำกับบรรยากาศและหิมะกับเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับคานาซาว่า และลากกระเป๋าย้ายเข้าเมืองโอซาก้ากันต่อค่ะ

วันพรุ่งนี้บุ๊คก้าจะพาไปชิลๆ กันที่นารา เมืองที่คนเค้าบอกว่ากวางดุ แต่บางคนก็บอกว่าพวกนางน่าร๊ากกกกกก เดี๋ยวจะไปพิสูจน์ให้ดูว่าจะเป็นยังไงนะจ๊ะ

วันที่ 5 เมืองนารา (Nara 1 Day trip)

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะคะ ถ้าอ่านแล้วสงสัยส่วนไหนก็ทักมาถามกันได้ที่ www.facebook.com/BookcaMaShare นะคะ เพราะบางส่วนอาจไม่ได้ลงข้อมูลละเอียดกลัวจะงงกัน เอาเป็นว่าแชร์ข้อมูลให้เป็นไอเดียเที่ยวกับก่อน อยากรู้อะไรเพิ่มทักมาถามกันได้เลยจ้า